อาไท สุภทัต หรือ อาไท กลมกิ๊ก นักแสดงตลกชื่อดัง โดยอาไทได้เปิดเผยถึงชีวิตในอดีตของตน สามขวบครึ่งเข้าวงการตลกได้ยังไง

“พ่อ (บุญชู เชิญยิ้ม) ผมอยู่คณะ ลุงโย่ง เชิญยิ้ม ผมดูวิดีโอคณะตลก มองวนๆดูแล้วก็เห็นพ่อตนเอง จนกระทั่งวันหนึ่งมุกมันเข้าไปในหัว

ผมก็จำมุกที่ดูมายืนพูดหน้ากระจกผู้เดียว เพียงพอพ่อเห็น เขาเลยปรึกษากับ คุณลุงดักแด้ เชิญยิ้ม ซึ่งในตอนนั้นทำคณะร่วมกัน ก็ลองให้ผมมาเล่นดู

เวทีแรกพระราม 9 คาเฟ่ ได้ทิปมาพันกว่า พ่อดีใจ แต่ว่าตัวผมไม่ได้โฟกัสเงิuนะ ผมได้เล่น ผมมีความสุข ส่วนเงิuผมให้พ่อทุกบๅททุกสตางค์

ต่อไปก็เล่นตลกมาตลอด” ไม่ชอบความว่าง “ไม่ชอบ ไม่ชอบเลย คิดมาตลอดว่าถ้าว่างคือไม่ได้ตังค์ ก็เลยต้องการไม่ว่าง

ตอนหนึ่งเคยคิดต้องการทำอสังหาริมทรัพย์ เพราะงมันได้ตังค์ บางครั้งเราได้แต่ว่า Active Income หากเราได้ Passive Income ก็คงจะดี

แต่ว่าก็จะต้องพึ่งเงิuลงทุน ผมเคยคิดจะซื้oอพาร์ตเมนต์ให้คนเช่านะ แต่ว่าก็ยังดีกว่า” ทำไมเด็กอายุ 20 ถึงมีโครงการมากมายในหัว

“บ้านจนครับ ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ ตอนเด็กๆบ้านจนมาก ผมชินกับการที่บ้านจนกระทั่งมาโดยตลอด บ้านผมฐานะติดลบ เป็นหuี้เขา

โดนเขาไล่ออกจากบ้านเช่า เพราะว่าไม่มีตังค์จ่าย จะต้องมาอยู่อพาร์ตเมนต์เล็กๆกันสี่ห้าคน มันเลยทำให้ผมคิดว่า ไม่ได้ ไม่ได้ จะต้องทำทุกๆอย่าง

เพื่อไม่กลับไปอยู่จุดนั้น ทุกคนในบ้านผมจะต้องสบาย ผมไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว ผมไม่อยากเห็นแม่ตัวเองเดินไปเซ็นปลากระป๋องจากร้านชำ

มันเป็นภาพที่ผมไม่ได้อยากเห็น เพราะฉะนั้น อะไรก็ได้ที่ทำแล้วเกิดโอกาส ผมจะทำ” อาไทเคยมีวันที่เหนื่อยสุดๆไหม “เหนื่อยสุดๆไม่ถึงขนาดนั้นครับ

ผมเป็นคนรีเซ็ตง่าย มายด์เซ็ตผมไม่ใช่คนที่ท้อ ผมเป็นคนที่เดินหน้าตลอดเวลา เหน็ดเหนื่อยวันนี้ วันพรุ่งผมหาย ผมขอเหนื่อยวันเดียว เหนื่อยให้เต็มที่

อยากนอนร้องไห้ก็ทำ ต้องการทำอะไรทำ แต่ว่าพรุ่งนี้ผมก็จะกลับมาเป็นอาไทคนเดิมที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” อาไทเป็นเสาหลักตั้งแต่อายุยังน้อย

“สิบเจ็ดครับ ยากครับการที่ผมจะขึ้นมาเป็นเสาหลักได้ เวลานี้ผมจะต้องเถียงกับพ่อด้วยนะ พ่อเขามีความเห็นว่าผมเด็ก สิ่งที่ผมทำเป็นคือพิสูจน์ให้เห็น

ในขณะนั้นผมทำเงิuได้เยอะแยะ แต่ว่าไม่มีเก็บ เพราะว่าพ่อผมดูแลไม่เก่ง ผมเลยขอดูแลเอง แรกๆก็เถียงกัน ท้ายที่สุดใช้เวลาปีกว่าเกือบจะสองปี เขาถึงจะไว้ใจเต็มรูปแบบ”