
Uncategorized
ชีวิตบั้นปลายวัย 83 แม่ผ่องศรี วรนุช
ผ่องศรี วรนุช ชื่อนี้เป็นเหมือนเครื่องย้อนเวลาของคนรุ่นเก่า ที่เติบโตมาพร้อมกับยุครุ่งโรจน์ของวงการลูกทุ่ง ที่มีราชินีลูกทุ่งคนแรกมาประดับวงการ

สำหรับ แม่ผ่องศรี วรนุช เมื่ออายุ 15 ปี ได้เริ่มทำงานกับละครเร่คณะคุณหนู โดยเป็นเด็กรับใช้ ก่อนจะได้ร้องเพลงสลับฉากจนได้เป็นนางเอกของคณะ

แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มอาชีพนักร้องเมื่อปี 2498 จนถึงมีชื่อเสียงในฐานะนักร้องและจากนั้นก็ประสบความสำเร็จสูงสุดในอาชีพการทำงานในตอนปี 2502 ถึงปี 2523

รวมทั้งได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นักร้องลูกทุ่ง) ประจำปี 2535 ผ่องศรี วรนุช มีผลงานเพลงที่เป็นปรากฏการณ์

ต่อวัฒนธรรมเพลงลูกทุ่งจำนวนมาก ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงโทนสูง เช่น กอดหมอนนอนหนาว, วิมานในฝัน, น้อยใจรัก, ภูเก็ต,

ลืมเสียเถิด, ฝากดิน, สาวเหนือเบื่อรัก, ฝนหนาวสาวครวญ อื่นๆอีกมากมาย ผ่องศรี วรนุช ยังถือว่าเป็นศิลปินต้นแบบของนักร้องลูกทุ่งหญิงไทยเป็นจำนวนมาก

แม่ผ่องศรี วรนุช เคยใช้ชีวิตอยู่กับ เทียนชัย สมยาประเสิรฐ นักร้องนักแต่งเพลงลูกทุ่งโด่งดัง ก่อนจะแยกทางกัน

จากนั้นได้มาใช้ชีวิตอยู่กินกับ ราเชนทร์ เรืองเนตร นักดนตรีมีชื่อ กระทั่ง ราเชนทร์ จากไป ปี 2541 โดยที่ทั้งคู่นั้นไม่ได้มีทายาทด้วยกัน

ทำพิพิธภัณฑ์ แม่คิดว่าสักวันนึงแม่ต้องจากโลกนี้ไป ถ้าหากเราไม่ทำเป็นวิทยาทานให้นิสิตนักศึกษานักร้องรุ่นหลังที่บรรพบุรุษสร้างมาต้องการจะให้คนรุ่นหลังสานต่อ

เมื่อไม่มีแม่แล้ว แม่ยังเป็นกำลังใจให้กับพวกเขาต่อ เราไม่อยากที่จะให้หายไป ให้อยู่คู่กับประเทศชาติไปตลอดเลยคิดสร้างที่ตรงนี้

และอยากที่จะให้เขาทราบว่าความอดทนของผู้คนแล้วเราไม่ได้ดังค้างฟ้ามีดังก็ต้องมี แต่พวกเราจะทำตัวอย่างไรให้ประชาชนรักและก็เมตตาเรา

เราต้องรู้ตัวเองว่ามาจากไหน กตัญญูต่อพ่อครูบาอาจารย์ สร้างมา 3 ปีแล้วค่ะอยู่พุทธมณฑลสาย 5 เข้าไปจะเห็นหุ่นแม่คะ

สักวันนึงเมื่อถึงเวลาเราก็ต้องไป แม่ทิ้งคำไว้หมดแล้ว เป็นวีดิโอวันสุดท้ายเปิดฟังได้เลย จดหมายลาก็มี

ตอนอัดร้อง เพราะว่าบอกออกมาเองจากใจ สักวันนึงเมื่อแม่ไม่อยู่แล้วยังมีคำพูดของแม่ที่ฝากความรักความคิดถึงสำหรับแฟนเพลง

คนที่มีพระคุณต่อแม่ที่ให้แม่มีจนถึงวันนี้ ศักดิ์ศรี เกียรติยศ เงินทอง เราไม่สามารถแบกไปได้ โดยที่ทุกวันนี้นั้น ‘แม่ผ่องศรี วรนุช’ ใช้ชีวิตบั้นปลายโดยมีแฟนเพลงแวะเวียนไปหาอยู่เสมอ”
