กฤษณ์ ศรีภูไม่เศรษฐ์ มีชื่อเล่นว่า กฤษณ์ เป็นนักแสดง นักจัดรายการวิทยุชาวไทย ปัจจุบันประกาศชัด เลิกรับงานเบื้องหน้าพิธีกรมากความสามารถ กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 18 ปี

ที่เคยมีอีกทั้งงานละคร, ดีเจ และพิธีกรรายการทีวีมากถึง 7 รายการต่ออาทิตย์ เพื่อหันไปทุ่มให้กับงานเบื้องหลังธุรกิจโชว์บิซอย่างเป็นจริงเป็นจัง

เรื่องหัวใจหนุ่มกฤษณ์เปิดเผยว่า เรื่องผู้หญิงในเวลานี้ไม่มีแบบเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนมากก็จะเป็นน้องๆน่ารัก

เนื่องจากว่าตัวเองจะเป็นประเภทที่ว่าว่างก็จะมีเวลา พอยุ่งก็จะหายไปเลย ผู้หญิงหนีหมด ทำงานเยอะมากปัจจุบันนี้

เอาจริงเอาจังๆในตอนนี้ก็ไม่มีใคร อายุก็ 43แล้ว เคยตั้งเป้าไว้สัก 40 ค่อยแต่งงาน ในเวลานี้ไม่ได้มีใครคุยเป็นเรื่องเป็นราวยังเปิดตัวเองอยู่ เผยตนชอบสเป็คสาวแบบสปอร์ตๆหุ่นนักกีฬาหน่อยๆใช้ชีวิตแบบสบายๆ

และมากมาย ไปไหนก็ไปกัน บางทีก็เหงา แต่ก็มีเรื่องงานเข้ามาแทรกตลอดเวลา ก็เลยได้เพียงเหงาบ้างแป๊บๆก็เอาเวลาไปทำงาน

หลายปีที่ผ่านมา กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ คือพิธีกรแถวหน้าของวงการบันเทิง มีรายการที่เจ้าตัวเป็นพิธีกรเยอะที่สุดถึง 7 รายการ แต่ว่าปัจจุบันนี้เขาเลือกทำเพียงแค่ 1 รายการคือ “คนอวด” ทางช่องเวิร์คพอยท์เพียงแค่นั้น

รวมทั้งพักหลังงานอีเวนต์ต่างๆก็ไม่สามารถที่จะพบตัว เพราะว่าเจ้าตัวหันไปทุ่มเทกับเทศกาลดนตรีอย่าง มายา มิวสิค เฟสติวัล ตั้งแต่ปี 2015

เลยขอนัดแนะหนุ่มกฤษณ์มานั่งพูดคุยถึงประสบการณ์ทำงานในครั้งนี้ รวมถึงอัพเดทชีวิตปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์เลยค่า

ปัจจุบันนี้ถ้าหากเข้าไปส่องชีวิตชายหนุ่มกฤษณ์จะมีความเห็นว่ามีไลฟ์สไตล์ที่ต่างจากเมื่อก่อน เปลี่ยนเป็นบิซิเนสแมน ขายของกลางอินสตราแกรม

ตอนตัดสินใจพักงานพิธีกร ใช้เวลาคิด 2 เดือน คิดจากความรู้สึก ทำทีวีทำไมต้องการกลับมาทำมายาฯ ล่ะ พอทราบแล้วชอบอันนี้เลยตัดสินใจมุ่งเลย

ส่วนการแบ่งพาร์ททำงานกับการใช้ชีวิต ว่างผมถูกใจออกกำลังกาย อย่างอื่นที่อยากทำไม่มีแล้ว เจอเพื่อนไม่พบโทรศัพท์คุยเอา

เลิกสังสรรค์ เพราะว่าเราใช้ชีวิตมามากจนกระทั่งบัดนี้เราไม่ตื่นเต้นกับอะไรแล้ว ใช้ชีวิตเรียบง่าย อะไรไม่จำเป็นตัดออกหมด

อย่าให้สังคมมากำหนดเราว่าจะต้องเป็นยังไง ฟังหัวใจตัวเองว่าถูกใจอะไรแล้วลงมือทำให้เต็มที่ทำ แบบที่ผมชอบมิวสิคเฟสติวัล

ไม่ต้องแคร์มาก เดินไปถึงคุณจะไม่เท่ แต่งตัวเรียบๆก็ไม่ต้องสนใจ ถ้าคนที่ชอบเราจริงๆเขาก็มองที่ตัวเรามากกว่าไม่ใช่ของนอกกาย