แม้ว่าจะเคยมีชื่อเสียงมาในอดีต แต่ว่าชีวิตมีขึ้นก็จะต้องมีจุดลง สำหรับอดีตนักร้องหมอลำรุ่นใหญ่ ไก่ ปริศนา วงศ์ศิริ ที่มีคนไปพบเจ้าตัวนั่งขายมะละกออยู่ริมถนน กระทั่งเห็นว่าชีวิตขาลงจนจะต้องผันตัวเป็นแม่ค้าริมถนน

ซึ่ง ไก่ ปริศนา ตระกูลศิริ ก็ได้ออกมาเปิดใจ ว่าตนเองเป็นเกษตรกรเป็นมานานแล้ว เพียงแค่ไม่มีใครรู้ บุคคลอื่นมักจะมองเห็นตัวเองไปร้องหมอลำ งานคอนเสิร์ต หรืองานละครมากกว่า

ถามว่าถ้าหากย้อนกลับไป 40 ปี แม่เป็นเบอร์ 1 ค่อนข้างจะโด่งดังมาก ก็ใช่ค่ะ ในตอนนั้นอยากเป็นนักร้อง เราต้องการเป็นนักร้อง อยากทำแผ่นเสียง เพราะบ้านแม่อยู่ไกล

จะต้องตื่นมาฟังวิทยุหมอลำตอนเช้า ได้ยินนิดๆหน่อยๆมันก็จะมาอยู่ในหัวเรา ก็จำมาเพราะว่ามีความรู้สึกว่ามันเข้ามาในหัวเราเรื่อยแม่เป็นแม่นาคคนที่ 2 ของประเทศไทย

มายังไงถึงได้บท แม่นาคพระโขนง ในตอนนั้นพอ แก้วหน้าม้า จบ เราก็ไม่รู้ว่าจะแสดงเรื่องอะไรต่อ ก็ไปทานอาหารพบคุณ ไพรัช สังวริบุตร

เขาเลยพูดว่าเดี๋ยวจะมีการถ่ายเรื่อง แม่นาคพระโขนง ก็ให้แม่มาพบท่านที่บริษัท คือตอนนั้นท่านเลือกเราเลย พอเรามาแสดง

มันเป็นทีวีช่องแรกที่ถ่ายทอดเป็นสีเหมือนหนังในโรง แล้ว ‘แม่นาค’ ก็เป็นเรื่องแรกของช่องนี้ และก็ออกอากาศเป็นสี

เราเป็นเกษตรกร เป็นมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าเราทำอะไร นอกจากเราไปร้องแพทย์รำ งานคอนเสิร์ตหมอรำ หรือแสดงละคร

ซึ่งอาชีพนี้เราทำมานานแล้วปลูกข้าว ผักผลไม้ แล้วเมื่อปีที่ผ่านมารอบแรกก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ มีลุงคนนึงให้เราปลูกมะละกอฮอลแลนด์

ในตอนนั้นเราก็ปลูกไป 15 ไร่ และก็มะละกอแขกอีก 5 ไร่ ภาพที่เห็นแม่ลงมาขายเอง ก็มะละกอมันไม่มีตลาดลง เพราะว่าเดี๋ยวก็พบผลจากสถานการณ์ทุกตลาด

เป็นขายไม่ได้เราก็จะต้องทิ้งมะละกอวันละ 3-4 ตัน เลยตัดสินใจลงมาขายเอง คนมีความคิดว่ามะละกอฮอลแลนด์คงจะแพง พวกเราขายก็ขายไม่แพง

ก็คงจะได้นะ วันนึงปุ๋ยพันกว่า เราไปขายก็มีความรู้สึกว่าคงจะได้ค่าแรงลูกน้องก็ยังดีมากยิ่งกว่าเอาไปทิ้ง แล้วนอกจากเกษตรกรสิ่งที่ทุกคนรู้จักเป็น นักร้อง หมอรำ เล่นละคร

ไม่ได้ทำมานานเท่าไหร่แล้ว เป็นแม่ไม่ได้เล่นละครเลยตั้งแต่ก.พ.เนื่องจากว่าจะต้องปิดกองถ่าย แล้วหลังจากนั้นก็งานการแสดงดนตรีที่เราไปร้องตามงานวัด งานบุญ งานอะไร

ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. จนเดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย ก็จะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเดินต่อไปได้ และก็บางช่วงยังมีการร้องหมอลำเรียกลูกค้าอีกด้วย

ก่อนสถานการณ์แบบนี้ พวกเราทำเกษตรก็ได้ออกจะเยอะมากเช่นกัน แต่ก่อนทำข้าวเป็นหลักก็มีหลายคน เขาก็โทรมาถาม เป็นยังไง อยู่ได้ไหม เราก็บอกว่าขายผักไม่ได้