ลงจอให้ได้มองกันแล้วสำหรับละคร “วุ่นรักนักข่าว” เรื่องราววุ่นๆของสองผู้ประกาศข่าวหนุ่มสาว

เรียกว่าสองอดีตผู้ประกาศรุ่นใหญ่”ติ๋ว ศันสนีย์ นาคพงศ์” ยังร่วมมองร่วมลุ้นหวนรำลึกวันเก่าๆที่สนุกสนานที่เคยทำงานประกาศข่าวร่วมกัน

ติ๋ว ศันสนีย์ ที่ยอมรับว่า ปกติเป็นคนไม่มองดูละคร แต่สำหรับเรื่องนี้ต้องการกลับมาดูเพราะเหมือนได้ย้อนกลับไปภาพสะท้อนสิ่งที่เคยทำ

แต่ที่แตกต่างเป็นเมื่อก่อนจะไม่มีเหตุการณ์กุ๊กกิ๊กเหมือนพระเอกนางเอกแบบนี้เท่านั้นเอง เพราะผู้ประกาศอดีตส่วนมากจะมีแฟนกันอยู่แล้ว

ย้อนกลับไป สองผู้ประกาศรุ่นเก๋า ยังเล่าให้ฟังเพราะว่า ทั้งคู่ถือได้ว่าเป็นรุ่นเริ่มต้น หรือ รุ่นแรกของสถานี หลังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอข่าว

จากเดิมจะไม่มีผู้ประกาศเป็นแค่เพียงภาพข่าวลงเสียง ต่อจากนั้น ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ก็เลยเป็นผู้ริเริ่มให้มีการอ่านข่าวโดยผู้ประกาศเป็นคนแรก กระทั่งสถานีช่องอื่นๆก็ปรับเปลี่ยนตามมา

ติ๋ว ศันสนีย์ กล่าวต่อว่า สมัยก่อนผู้ประกาศข่าวจะต้องนิ่ง ด้วยบทบาทที่กำหนดมาให้จะต้องนั่งเฉยๆเมื่อเวลาออกไปข้างนอกหลายคนจะบอกบุคลิกไม่เหมือนในหน้าจอเลย

ประเด็นการแต่งตัวก่อนหน้าก็จะมีบ้างที่ไม่เรียบร้อยท่อนล่าง โดยเฉพาะวันหยุด เพราะเวลาอ่านข่าวจะเห็นแค่เพียงครึ่งบน แต่ส่วนมากก็จะเรียบร้อย

ศันสนีย์มีชื่อเล่นว่า “ติ๋ว” เกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค. พ.ศ. 2502 ที่ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญานิติศาสตร์

จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีชื่อเสียงจากการเป็นดาราภาพยนตร์ไทย และนักร้องที่มีชื่อเสียง

ผลงานที่สร้างชื่อเช่น เพลงอดีตรักดอกทองกวาว ที่แต่งโดย ว.วัชญาณ์ แล้วก็เพลง คนเก่งคนดี ซึ่งประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง ทางช้างเผือก ต่อมาศันสนีย์ไปสู่วงการโทรทัศน์

เริ่มจากการเป็นผู้ประกาศรายการ รวมทั้งผู้ประกาศข่าวเด็ดเจ็ดสีภาคค่ำ, พิธีกรรายเกมโชว์ นาทีทอง คู่กับ ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ และก็ พลากร สมสุวรรณ,

บรรยายสารคดีทีวีต่างๆผลงานที่สร้างชื่อเป็นรายการ จดหมายเหตุกรุงศรี ซึ่งช่อง 7 สีผลิตให้แก่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถ่ายทอดในช่วงข่าวภาคค่ำ,

ควบคุมการผลิตละครเช่น พ่อม่ายทีเด็ด กระท่อมโสมจันทร์ น้ำตาลใกล้มด ผู้ชายก็ท้องได้ มัจจุราชสีน้ำผึ้ง อื่นๆอีกมากมาย, ควบคุมการผลิตรายการสารคดี 1 ในประเทศไทย โดยเธอทำงานอยู่ในวงการนี้ประมาณ20 ปี

ศันสนีย์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในปี พุทธศักราช 2538-2539 ขึ้นตรงต่อพรรคพลังธรรม ต่อมาดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี