ชีวิตคนเรามีทั้งขึ้นๆลงๆตรงบ้าง เขวบ้าง ปะปนกันไปตามช่วงเวลาที่ผันเปลี่ยนเวียนไปตามโลกที่ไม่มีวันหยุดหมุน เฉกเช่นเดียวกันกับ เล็ก พอเจตน์ แก่นเพชร ที่เผชิญมาแล้วกับทุกรูปแบบ

งานเบื้องหน้าหรือจะงานเบื้องหลัง เขาลิ้มลองมาหมด วิชาความรู้แล้วก็ประสบการณ์มีมากล้น แต่ว่าคนบางครั้งอาจจะหลงๆลืมๆเขาไปบ้าง แต่ว่าไม่เป็นไร เล็ก พอเจตน์ จะยังคงทำงานต่อไปตามกำลังและก็แรงที่มีอยู่อย่างเต็มที่

สำหรับ พอเจตน์ แก่นเพชร เริ่มไปสู่วงการแสดงในปี พ.ศ. 2519 จากการชักชวนของ จิรวรรณ กัมปนาทแสนยากร หรือ คุณเล็ก เจ้าของค่าย จิรบันเทิงฟิล์ม ให้รับบทบาทพระเอกคู่กับ อำภา ภูษิต

และก็ สุพรรษา เนื่องภิรมย์ ในภาพยนตร์เรื่อง รอยลิขิต ซึ่งฉายจริงในปี พุทธศักราช 2522 แล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง บ้านทรายทอง ในปี พ.ศ. 2523 กำกับโดย รุจน์ รณภพ

โดยรับบทบาทเป็น ม.ร.ว.ภารดาพัฒน์ระพี หรือ ชายกลาง คู่กับ พจมาน พินิจนันท์ รับบทบาทโดย จารุณี สุขสวัสดิ์ ทั้งสองได้กลับมารับบทบาทเดิมอีกรอบ ในเรื่อง พจมาน สว่างวงศ์ ซึ่งเป็นภาคต่อจาก บ้านทรายทอง

แล้วก็ส่งผลงานตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ พริ้ง คนเริงเมือง ในปี พุทธศักราช 2523, ทรโศก ในปี พุทธศักราช 2524, สี่คิงส์, เทพบุตรสลัม ในปี พุทธศักราช 2526

ถัดมา เป็นนักแสดงประกอบในภาพยนตร์รวมทั้งละครโทรทัศน์เรื่องต่างๆเล่นมา 100 กว่าเรื่อง ประทับใจทุกเรื่อง เพราะว่าผมก็ตั้งใจเล่นทุกเรื่อง นอกจากบางเรื่องที่เขาไม่ตั้งใจสร้างและสร้างไม่จบก็มี

จะด้วยเหตุหรือความจำเป็นอะไรก็แล้วแต่ มีอยู่ช่วงหนึ่งผมเบื่อหนีจากวงการไป ติดต่อไม่ได้ รวมทั้งกลับมาเล่นละครของช่อง 7 ปี พุทธศักราช 2528 มัสยา (ช่วงที่หยุดและหายจากวงการไป)

โดยประมาณ 10 ปีได้ ตอนนั้นก็ไปทำไร่ หนีความวุ่นวายไป เรารู้สึกไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ลูกก็ต้องปิดบังใครรู้ไม่ได้ว่ามีลูก เมีย

รวมทั้งลูกก็จะต้องแยกย้ายกันอยู่ ครอบครัวก็ต้องแยก ชีวิตครอบครัวตอนนี้ มีลูกกับเมียคนแรก 1 คน ตอนนี้ก็อยู่กับภรรยาใหม่ที่สระบุรี อายุห่างกัน 10 กว่าปี

เราไม่ยึดติดว่าเราต้องเป็นพระเอก เราจะไปเล่นคู่กับใครก็ได้ ซึ่งในตอนนั้นเขาไม่ยินยอมเล่นกัน แต่ว่าเรารับทุกอย่างเลยทำให้เราได้เป็นพระเอกอยู่ได้ไม่นาน เป็นเราเล่นละครก็ต้องการจะเล่นทุกบทบาท

ถามว่าวางอนาคตตนเองในวงการไว้ยังไง ไม่มีอนาคต เพียงแค่อยากให้มีงานแสดงไปเรื่อยเนื่องจากว่านักแสดงก็คือพ่อค้า ขายตัวเองขายความสามารถในตัวแล้วถ้าหากเราไม่ขายก็ไม่มีรายได้ก็คือจบ

ปัญหาจะเกิดถ้มันก็เลยเป็นเรื่องที่น่าสังเวชและจากนั้นก็น่าสงสารว่าหากเราจะไปรู้เรื่อง สมมุติว่าไม่มีประกันสังคม ไม่มีบำนาญ

บางคนเข้าใจว่าดาราร่ำรวย มันไม่ใช่ อย่าไปดูผิวเผิน อย่างเสื้อที่ใส่ ก็ของกองถ่ายเขาทั้งหมด แต่ก่อนสิเสื้อผ้าของผมเอามาเอง

มีเสื้อผ้ามา 5 ชุดนะ เราจะต้องเตรียมไป หาเองทำเองเมื่อก่อนอย่างนี้จริงๆแต่งหน้า ทำผม มีกระเป๋าเอง แต่ว่าในตอนนี้สบายมาถึงกองถ่ายเขาก็มีให้เสร็จ เมื่อก่อนจะต้องรอดูแลทรงผมอะไรๆปัจจุบันนี้ไม่ต้องแล้ว