
Uncategorized
นัยนา ชีวานันท์
นัยนา ชีวานันท์ มีชื่อจริงว่า มะลิ ชีวานันท์ เกิดที่อำเภอบรรพตวิสัย จังหวัดนครสวรรค์ จบการศึกษาจากโรงเรียนวัดเทพสถาพร ไปสู่แวดวงจากการประกวดนางงามในจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2512 ได้ตำแหน่ง ขวัญใจ ชาวไร่-ชาวนา ถัดมา ประวิทย์ ลีลาไว ได้ส่งเธอเข้าประกวดนางงามยาสระผมแฟซ่าที่จังหวัดนครสวรรค์

จนได้ตำแหน่งนางงามแฟซ่าประจำจังหวัด และเปลี่ยนชื่อจาก มะลิ เป็น นัยนา จากนั้นจึงได้ถูกส่งตัวเข้ามาประกวดต่อยังเวทีใหญ่ที่สนามมวยลุมพินีเพื่อเข้าไปแข่งขันมิสแฟซ่าในระดับประเทศ

จนได้ตำแหน่งรองนางงามและขวัญใจช่างภาพ และได้ขึ้นแบบถ่ายปกนิตยสารต่างๆเช่น สกุลไทย, กุลสตรี

จากชีวิตเด็กสาวต่างจังหวัด แต่กลับพลิกผันได้มาเป็นนางเอกเมืองกรุง สำหรับ นัยนา ชีวานันท์ ที่เปิดใจกึ่งกลางรายการ ยิ่งศักดิ์ ยิ่งแซบ

ถึงเรื่องราวในอดีตของนางเอกดังที่ก้าวเข้าสู่วงการมายาด้วยการเดินสายประกวดนางงาม ด้วยอายุเพียง 13 ปี

แต่ว่าต้องบอกว่าอายุ 17 ปีเพื่อเข้าแข่งขัน จนได้รางวัลรองชนะเลิศชั้นที่ 1 แล้วก็ขวัญใจตากล้อง

ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ทำให้ได้เจอกับ หม่อมอุบล ยุคลในอยุธยา ซึ่งเป็นกรรมการในการประกวดครั้งนั้น เลยถูกชักชวนมาร่วมงาน กับ ท่านมุ้ย เจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งต้องเข้ามาอยู่ในวังและฝึกอยู่นานกว่าจะได้แสดงจริง

“หลายเดือน อาศัยที่เขามาถ่ายก็ไปดูเขา แต่ระหว่างที่เราดูเราแสดงภาพยนตร์ของเราไปด้วย ถ่ายเรื่อง มันมากับความมืด ไปด้วย”

“ตอนนั้นเล่นคู่กับ สรพงศ์ ชาตรี ตอนนั้นก็เป็นนางเอกใหม่ล่าสุดเลย ตอนนั้นที่ดังๆมี เปี๊ยก ป่าญา นามวงศ์ ภาวนา ชนะจิต พิศมัย วิไลศักดิ์ แล้วก็แสดงเรื่องแหวนทองเหลือง เพชรตาแมว ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่” นัยน์เล่า

ซึ่งเพียงเรื่องแรกชื่อเสียงของคุณก็โด่งดังถึงขั้นที่ว่าไปไหนมาไหนนั้นต้องอาศัยการปลอมตัว สวมแว่น ใส่วิกแต่กระนั้นบางครั้งก็ยังมีแฟนภาพยนตร์จำได้ “ก็หมดอิสระ แต่ว่าเราเองก็อยากไปเที่ยวเหมือนที่คนธรรมดาเขาไปเดิน

แถวสนามหลวงก็เคยนั่งรถเมล์ไป ตัวไป” ก่อนที่จะเล่าว่าไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะดัง เพราะด้วยความเป็นลูกชาวไร่ชาวนา

เด็กต่างจังหวัด และก็ตอนนั้นอายุยังน้อยมาก แถมต้องถ่ายภาพยนตร์ไม่มีโอกาสได้ออกไปเที่ยวไหน เลยมีตอนที่อยากกลับบ้าน

“ปัจจุบันอายุเข้าสู่เลข 6 แล้ว 64 เร็วจังเลย เข้าเล่นหนังตั้งแต่ 2513 แล้ว 2520 ก็เริ่มค่อยๆออกไปจากวงการภาพยนตร์

ออกเพราะหายไป 20 ปี เกือบจะ 30 ปี” แต่เมื่อมีโอกาสได้กลับมาเล่นละครอีกครั้งก็เกิดเพราะว่าไม่สามารถจำบทได้ซึ่งการทำงานตอนนี้ต่างจากอดีตที่มีการบอกบทให้พูดตาม แต่เดี๋ยวนี้ต้องจำบทเอง ซึ่งบทยาวมากๆก็จำไม่ไหว

